Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the flatsome domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. โปรดดู การแก้ข้อผิดพลาดใน WordPress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (ข้อความนี้ถูกเพิ่มมาในรุ่น 6.7.0.) in /var/www/wp-includes/functions.php on line 6121
รู้ไว้ไม่เสียหาย: ข้อกฏหมายกัญชาในประเทศไทย | Wholesale-plantoflife-thailand
ข้อกฏหมายกัญชาในประเทศไทย

แม้ว่ากัญชาจะถูกนำมาใช้ในประเทศไทยมาช้านาน แต่ก็ถูกบรรจุอยู่ในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งห้ามการครอบครอง จำหน่าย และเสพกัญชา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเพื่อการศึกษาวิจัยหรือใช้ทางการแพทย์เท่านั้น การฝ่าฝืนมีโทษจำคุกและปรับตามปริมาณยาเสพติด

อย่างไรก็ดี ในปี 2564 มีความเคลื่อนไหวในการนำกัญชาออกจากบัญชีรายการยาเสพติด เริ่มจากคณะกรรมการพิจารณาการเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กัญชาออกจากพระราชบัญญัติยาเสพติด และให้อนุญาตการผลิต จำหน่าย ใช้กัญชาในแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์พื้นบ้านเท่านั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 คณะรัฐมนตรีได้ออกประกาศให้กัญชาพืชกระท่อมออกจากบัญชีรายการยาเสพติดประเภท 5 เปิดให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ไม่เกิน 6 ต้นต่อครัวเรือน ภายใต้กฎระเบียบจากกระทรวงสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม การควบคุมการผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกกัญชายังคงอยู่ภายใต้กฎหมายอื่นๆ เช่น พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พรบ.วัตถุอันตราย พรบ.อาหาร โดยกระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางจะออกใบอนุญาต “แปลงกัญชาทางการแพทย์” สำหรับสถานที่ผลิตในระดับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีกฎกระทรวงใหม่เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย โดยผู้ผลิตต้องปลูกในพื้นที่รั้วล้อมตาข่าย ขายได้เฉพาะในสถานที่จำหน่ายที่ได้รับอนุญาตฯ

ขณะที่การใช้กัญชาในทางนันทนาการนั้นยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีบทลงโทษจำคุกและปรับหากฝ่าฝืน ซึ่งรัฐบาลระบุว่าจะมีมาตรการลงโทษอย่างเข้มงวดหากมีการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด

แม้การปลดกัญชาออกจากพรบ.ยาเสพติดอาจถือเป็นความคืบหน้าในการผ่อนคลายกฎหมาย แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงจากหลายฝ่ายถึงผลกระทบต่อสังคมและการที่กฎหมายยังขาดความชัดเจน รวมถึงความพร้อมของประเทศทั้งในแง่กฎระเบียบและการบังคับใช้กฎหมาย

ประเด็นสำคัญในกฏหมายกัญชาในประเทศไทย

หลังจากที่ประเทศไทยผ่อนคลายกฎหมายกัญชาในปี 2565 โดยนำกัญชาพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ทำให้เกิดความคลางแคลงใจจากหลายภาคส่วน ทั้งในประเด็นเรื่องของผลกระทบต่อสังคม ความชัดเจนของกฎหมาย และความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎระเบียบต่างๆ

อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งคือ การขาดมาตรฐานกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับผลิตภัณฑ์กัญชา โดยเฉพาะในแง่ของความแรงของสารสำคัญในกัญชาทั้ง THC และ CBD อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการพิสูจน์และตรวจสอบสาร รวมถึงการป้องกันการแพร่กระจายไปสู่กลุ่มผู้เยาว์

นอกจากนี้ ปัญหาการขาดข้อกำหนดและบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับการฝ่าฝืน ยังคงเป็นช่องว่างทำให้เกิดความสับสนได้ เช่น การกำหนดปริมาณที่ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย การกำหนดโทษหากมีการครอบครองหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น

บางส่วนเสนอว่า รัฐควรจะเข้ามามีบทบาทในการควบคุมกระบวนการผลิต การตั้งราคา และการจัดจำหน่ายกัญชา เพื่อป้องกันการแข่งขันในตลาดมืด และลดผลกระทบด้านลบ เช่นเดียวกับกรณีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะยิ่งทำให้การควบคุมกำกับมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกประเด็นที่มีการถกเถียงคือ ความเป็นไปได้ในการผ่อนคลายกัญชาเพื่อการนันทนาการ หลายประเทศทั่วโลกก็มีแนวโน้มไปในทิศทางดังกล่าว ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาการค้ากัญชาผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภาครัฐเองยังคงยืนยันว่า จะไม่มีการผ่อนคลายในการใช้กัญชาเชิงนันทนาการ

ข้อกฏหมายบังคับใช้เกี่ยวกับการจำหน่ายกัญชารวมถึงค้าส่งกัญชา

สำหรับข้อกฎหมายเกี่ยวกับการค้าส่งกัญชาในประเทศไทยนั้น แม้กัญชาจะออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่ยังคงมีกฎหมายอื่นๆ ที่มาควบคุมดูแล ดังนี้

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

ยังคงมีผลบังคับใช้กับการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เว้นแต่เป็นกัญชาที่ปลูกภายใต้มาตรา 26/5

พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

    ควบคุมการนำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อขาย กัญชาและพืชกระท่อม ต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข มีบทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืน เช่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกัญชา พ.ศ. 2565

    กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่างๆ สำหรับการผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองกัญชา ผู้ประกอบการที่จะค้าส่งกัญชาต้องขอรับใบอนุญาตแปลงปลูกกัญชาทางการแพทย์ และใบอนุญาตครอบครองหรือนำเข้า-ส่งออกกัญชา

    พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560

    ควบคุมการผลิต นำเข้า จำหน่าย ส่งผ่าน หรือมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา ต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนด

    พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522

    ควบคุมการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชา ต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

    สรุปเนื้อหา: สุดท้ายแล้ว การปฏิรูปกฎหมายกัญชาของประเทศไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในแง่ของการสร้างกฎระเบียบที่เหมาะสมและครอบคลุม การตรวจสอบและควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบและอันตราย เพื่อให้การผ่อนคลายกฎหมายกัญชาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

    เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับความรวดเร็วในการเยี่ยมชมเว็บไซต์